CAREER ADVICE & RESOURCES

from one of the top Recruitment Agency & Outsourcing Company in Thailand & Indonesia

ข้อผิดพลาด 10 ประการที่ควรหลีกเลี่ยงในการเขียน Resume ภาษาอังกฤษ

ข้อผิดพลาด 10 ประการที่ควรหลีกเลี่ยงในการเขียน Resume ภาษาอังกฤษ

สิ่งที่ดีที่สุดที่ resume ของคุณทำได้ก็คือ สร้างความโดดเด่นและความประทับใจให้กับผู้อ่าน แต่ก็ต้องระวังเพราะ resume ของคุณควรที่จะสร้างความโดดเด่นและความประทับใจในทางบวกเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันยังมี resume หลายๆฉบับที่ยังมี ข้อผิดพลาดเดิมๆ ซึ่งจะบ่งบอกให้ HR และ recruiter ไม่ต้องการที่จะเรียกสัมภาษณ์เจ้าของ resume เหล่านั้น


ต่อไปนี้จะเป็นการแจกแจงข้อผิดพลาดง่ายๆ 10 ประการที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงเวลาคุณต้องการสมัครงานใหม่



1.  คำที่ซ้ำซาก และถ้อยคำที่เบื่อหู


ถ้าคุณกำลังเขียน resume ในโหมด autopilot (ซึ่งต้องยอมรับว่า หลายๆคนก็ทำกัน) มันก็ง่ายที่จะใช้คำเดิมๆซ้ำซาก ที่หลายๆคนใช้กันทั่วไป ปัญหาก็คือมันอาจทำให้ resume ของคุณโดนมองข้ามไป หรือถ้าโชคร้ายก็อาจจะทำให้คนอ่านนั้นหงุดหงิดไปเลยทีเดียว ซึ่งท้ายสุดแล้ว คุณก็จะไม่มีโอกาสโดนเรียกไปสัมภาษณ์งานอย่างแน่นอน


เวลาที่คุณจะเขียนอธิบายถึงความสำเร็จ (accomplishments) คุณต้องเขียนแบบเฉพาะเจาะจง (be specific) เลือกคำที่จะใช้อย่างระมัดระวัง และไม่ควรเลือกใช้คำหลายๆคำ ถ้าหากคุณสามารถใช้แค่คำเดียวแต่สามารถที่จะสื่อถึงใจความสำคัญได้


เลือกคำที่สร้างสรร และประโยคที่ตรงใจความสำคัญ และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่านได้


ตัวอย่าง


Expert —> Increased

Creative —> Created

Excellent —> Accomplished

Innovative —> Won



2.  การพิมพ์ผิด หรือสะกดผิด


ข้อผิดพลาดนี้อาจดูเหมือนจะชัดเจนและไม่น่าเกิดขึ้น แต่คุณจะตกใจว่าบ่อยครั้งที่ความผิดพลาดนี้ตกไปถึงโต๊ะของ recruiter มันไม่มีข้ออ้างสำหรับ ความสะเพร่า คำที่ไม่เหมาะสม การสะกดผิด หรือใช้เครื่องหมายวรรคตอนที่ผิด ความผิดพลาดประเภทนี้อาจทำให้ resume ของคุณถูกโยนลงในกองปฏิเสธและนำไปใช้เป็นกระดาษ recycle โดยทันที


คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดง่ายๆนี้ได้อย่างไร? หลังจากคุณเขียน resume เสร็จแล้ว ไปทำอย่างอื่นก่อนเพื่อที่จะได้ลืมๆมัน แล้วค่อยกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง เทคนิคที่บางคนใช้กันคือ การอ่านจากข้างหลังไปข้างหน้า ซึ่งจะทำให้คุณอ่านช้าลง และเจอข้อผิดพลาดได้มากขึ้น


เพื่อความแน่ใจ คุณอาจจะให้เพื่อนที่คุณไว้ใจลองอ่านดูอีกสักครั้ง ซึ่งการใช้ spell-checker ในคอมพิวเตอร์ก็จะทำให้ง่ายขึ้น เมื่อคุณได้ทำทั้งหมดนี้ คุณก็สามารถส่ง resume ของคุณออกได้ด้วยความมั่นใจ


ตัวอย่าง


An year —> A year

Data is —> Data are

Its clear to see —> It’s clear to see

Many a times —> Many times / Many a time



3. ใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง


คุณเคยฝึกงานกับบริษัทนั้นมา 6 เดือนจริงหรือ? คุณแน่ใจหรือว่าคุณพูดได้ 6 ภาษา? คุณสามารถเพิ่มผู้ติดตามใน twitter ถึง 6000 คนภายในหนึ่งเดือนจริงหรือ? หากคำตอบของคุณสำหรับคำถามเช่นนี้คือ “ก็ ประมาณนั้น” คุณอาจจะต้องพิจารณาใหม่


ง่ายๆคือ ข้อมูลทั้งหมดที่คุณระบุใน resume ต้องเป็นความจริง 100% โปรดจำไว้ว่าสมัยนี้ HR / recruiter สามารถตรวจสอบรายละเอียดส่วนใหญ่ได้ภายในไม่กี่คลิกและโทรศัพท์ไม่กี่สาย


ไม่ว่ากรณีใดๆ สิ่งที่ดีที่สุด คือคุณมาสัมภาษณ์งานด้วยความมั่นใจ การที่คุณรู้ว่ามีข้อมูลที่คุณเขียนไว้ใน resume ที่ไม่เป็นความจริง อาจจะทำให้คุณหมดความมั่นใจ และคุณอาจรู้สึกผิดและความหวาดระแวง และนั่นไม่ใช่สูตรสำหรับความสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นจงยึดติดกับความจริงและจงภูมิใจกับมัน



4. ความรับผิดชอบ และ ความสำเร็จของคุณ


นี่เป็นจุดหนึ่งที่ resume มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2018 เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่คนทั่วไปเค้าทำกัน แต่เดี๋ยวนี้ มันเป็นเรื่องที่ HR / recruiter คาดหวังให้คุณเขียนความสำเร็จของคุณในการทำงานแต่ละที่ ไม่ใช่ระบุถึงหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเดียว


ท้ายที่สุดความสำเร็จของคุณจะทำให้คุนดูโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ  และมันจะเป็นความสำเร็จที่จะทำให้คุณรู้สึกภูมิใจที่ได้เดินเข้าไปในการสัมภาษณ์นั้น นอกจากนี้คุณต้องตีค่าความสำเร็จของคุณให้เป็นตัวเลขหากคุณสามารถระบุได้ เพราะว่าหากคุณสามารถระบุข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้ข้อมูลของคุณมีความน่าเชื่อถือขึ้น



5. ไม่เฉพาะเจาะจงสำหรับงานนั้นๆ


ก่อนที่คุณจะเขียน resume ขั้นตอนแรกคือการอ่านข้อกำหนดของงาน (job requirements) อย่างละเอียด ใส่ใจกับ keyword ที่ใช้และรับมือโดยการตีความว่า คนแบบไหนกันแน่ที่พวกเขากำลังมองหาอยู่


ขั้นตอนที่สองคือการเข้าไปดูในเวปไซต์ของบริษัท รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ (social media) บล็อค หรือที่ไหนก็ตามที่บริษัทนั้น active อยู่ ดูว่าวัฒนธรรมองค์กรของเขาเป็นอย่างไร? คนแบบไหนที่ทำงานที่นั่น? คุณจะเข้ากับทีมได้หรือไม่ อย่างไร?


ข้อมูลทั้งหมดจะช่วยให้คุณเริ่มต้นและเป็นเบาะแสสำหรับการออกแบบ resume เนื้อหา และความรู้สึกโดยรวม กำหนดให้ resume เฉพาะเจาะจงกับบริษัท และความต้องการของงานนั้นๆ


แยกแยะ keyword คำศัพท์ วลีที่ปรากฏขึ้นบ่อยๆในรายละเอียดของงาน (job description)


ในท้ายสุดคุณต้องการให้ recruiter ดู resume ของคุณและรู้สึกว่าคุณเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดของพวกเขา โดยการใช้ keyword เดียวกันเพื่อให้แสดงถึงวัฒนธรรมและค่านิยมเดียวกันนั่นเอง



6. ประสบการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง


อย่าส่งประวัติการทำงานที่ out-of-date คุณควร update resume ของคุณให้ up-to-date และมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเสมอ คุณควรจะพิจารณาที่จะละเว้นงานฤดูร้อนที่คุณทำเมื่อ 10  ปีก่อน ยกเว้นถ้าคุณประสบความสำเร็จอย่างมีนัยสำคัญ และเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่คุณสมัคร ถ้าไม่เช่นนั้นข้อมูลนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อ่านไขว้เขว กฏที่คุณต้องใช้คือการดูข้อมูลทุกชิ้นใน resume และถามตัวคุณเองว่าข้อมูลเหล่านั้นมันทำให้ resume มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ควรจะตัดข้อมูลเหล่านั้นทิ้ง เนื้อหาประสบการณ์ของประวัติการทำงานคุณควรก้าวหน้าไปเรื่อยๆ



7.  รูปแบบที่ไม่สอดคล้องกัน


นายจ้างอาจต้องการให้ resume ของคุณอยู่ในรูปแบบที่กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับระบบ Applicant Tracking System (ATS) ของแต่ละบริษัทนั้นๆ อย่างไรก็ตาม เว้นแต่บริษัทนั้นๆจะมีคำแนะนำเฉพาะเจาะจง วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการส่ง resume ของคุณควรเป็นรูปแบบไฟล์ PDF เหตุผลหลักนั่นก็คือไฟล์ PDF จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเปิดในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน


ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณส่งไฟล์ .docx ที่สร้างขึ้นใน OpenOffice และเปิดอีกทีในโปรแกม Microsoft Word resume ของคุณอาจอยู่ใน format ที่ต่างไปจากที่ควรจะเป็น


นอกจากนี้อย่าทำให้ resume ของคุณดูเลอะเทอะ หลีกเลี่ยงการใช้อักษร กราฟ หรือสีสันฉูดฉาดที่หลากหลายจนเกินไป พยายามให้ resume ของคุณดูเรียบร้อย สะอาด และอ่านง่าย



8. ประสบการณ์ทำงานที่ได้รับค่าตอบแทน กับ ประสบการณ์อาสาสมัคร


ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งก็คือ บางคนคิดว่าประสบการณ์ที่สำคัญและมีผลดีต่อ resume มีแค่ประสบการณ์การทำงานที่ได้รับค่าตอบแทน (เงินเดือน) แต่จริงๆแล้วงานอื่นๆที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน ก็สามารถแสดงถึงทักษะและความสำเร็จของคุณได้


ตัวอย่างเช่น งานอาสาสมัคร รถเก่าๆที่คุณทำการซ่อมแซมใหม่ โรคร้ายที่คุณเอาชนะมันได้ หรือการเรียนรู้วิธีการตัดเย็บและสามารถทำเสื้อผ้าใส่เองได้ กล่าวคืออะไรที่ทำให้คุณภูมิใจและแสดงให้เห็นถึงทักษะของคุณ? สิ่งเหล่านี้อาจไม่จำเป็นต้องเกี่ยวโยงกับตำแหน่งงานของคุณ มันอาจจะเป็นส่ิงที่โดดเด่นที่สุดใน resume ของคุณตราบเท่าที่คุณสามารถยืนยันด้วยข้อเท็จจริง หรือตัวเลขที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ประสบการณ์เช่นนี้เป็นการเริ่มต้นการสนทนาที่ยอดเยี่ยมในการสัมภาษณ์งาน



9. กลัวที่จะแสดงถึงบุคลิกภาพและตัวตนของคุณ


คนยังกังวลที่จะแสดงถึงบุคลิคภาพและตัวตนของตัวเองใน resume เพราะคิดว่ามันอาจจะดูไม่เป็นมืออาชีพ พวกเขาเชื่อว่าข้อมูลประเภทนี้ควรอยู่ใน cover letter แทน แต่ว่าทางนายจ้างยังอ่าน cover letter หรือไม่? ปี 2018 resume มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว


วัฒนธรรมองค์กร บุคลิกภาพและตัวตนของบริษัท มีความจำเป็นและเป็นแนวทางในการสร้างตราสินค้าให้กับบริษัท และทำให้พนักงานมีความสุข สำหรับนายจ้างวิธีหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีก็คือการจ้างคนที่คล้ายกัน หรือมีความชอบความสนใจที่คล้ายกัน นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องการเห็นบุคลิกภาพและตัวตนที่เปิดเผยออกมาใน resume ของคุณมากขึ้น และทำให้งานของเขาง่ายขึ้นในการนำเสนอตัวตนที่น่าหลงไหลของคุณ


"คุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง? ฉันได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งนี้เสมอ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคุณมีความหลงใหลในสาขาของคุณที่นอกเหนือจากเวลางาน



10.  ใช้ resume เพียง 1 ฉบับ


ลืมเรื่อง one size fits all ไปได้เลย เพราะว่า resume ในปี 2018 ต้องเขียนเฉพาะเจาะจงสำหรับงานแต่ละงาน บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ (start-up) กับ บริษัท IBM ไม่ได้ใช้วิธีจ้างคนแบบเดียวกันอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณจึงไม่ควรใช้ resume เดียวกันในการสมัครงานกับทั้ง 2 บริษัทในลักษณะเดียวกัน


ดังนั้นคุณควรใช้เคล็ดลับอื่น ๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นเพื่อสร้างประวัติส่วนตัวสำหรับแต่ละตำแหน่งที่คุณต้องการสมัคร



ตอนนี้คุณจะมั่นใจ แล้วพร้อมที่จะโดดเด่น และได้รับงานแล้ว!


การเขียน resume ที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งเราต้องการผลักดันเพียงเล็กน้อย และอย่าลืมว่าสิ่งไหนที่สำคัญเพื่อที่จะเพิ่มหรือลบออกไปจาก resume ของคุณ